เมื่อวันที่ 18 - 19 กุมภาพันธ์ 2568 นายจักรกฤดิ กระจายวงศ์ อธิบดีกรมพิธีการทูต ได้นำคณะเจ้าหน้าที่เยือนจังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนมเพื่อเยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ/พระดำริ โครงการและสถานที่สำคัญของทั้งสองจังหวัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการของกรมพิธีการทูตเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การต่างประเทศและนโยบายการทูตเชิงรุก รวมทั้ง
ต่อยอดสู่การนำคณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ต่างประเทศ ในประเทศไทย พร้อมคู่สมรสเยือนภูมิภาคต่างๆ ของไทย

            ในโอกาสดังกล่าว อธิบดีกรมพิธีการทูตและคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร และนายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินร่วมกันประชาสัมพันธ์ศักยภาพของทั้งสองจังหวัดในด้านต่าง ๆ  โดยคณะฯ ได้เยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นโครงการซึ่งแสดงให้เห็นพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับทฤษฎีการเกษตรแบบผสมผสานการพัฒนาดิน การพัฒนาแหล่งน้ำ การส่งเสริมเกษตรกรรมและการแปรรูป ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างอาชีพสำหรับประชาชนในท้องถิ่นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ รวมทั้งได้ศึกษาโครงการดอนกอยโมเดลสู่สากล (Donkoi Model Global Market Project) จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบของการพัฒนาคุณภาพผ้าย้อมคราม และโครงการนาหว้าโมเดล (Nawha Model Project) จังหวัดนครพนมซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทออย่างสร้างสรรค์และครบวงวร รวมถึงการออกแบบลายผ้าให้ทันสมัยโดยรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี
นารีรัตนราชกัญญา ภายใต้พระวิสัยทัศน์ “แฟชั่นแห่งความยั่งยืน (Sustainable Fashion)”  และ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์และมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่งานหัตถกรรมพื้นบ้านและเผยแพร่อัตลักษณ์ไทยสู่สากล โดยคณะฯ มีความประทับใจกับการต้อนรับที่อบอุ่นของชุมชนเผ่าไทกวนบ้านนาถ่อน จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นชุมชนที่นำวัฒนธรรมและภูมิปัญญาดั้งเดิมมาพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่า อาทิ การเกษตรอินทรีย์ การตีเหล็กแบบโบราณ การนำเกลือสินเธาว์ผสมผสานกับองค์ความรู้ด้านการนวดไทยซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมุษยชาติจากองค์การการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อปี 2562 มาทำเป็นสปาเกลือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพของภูมิภาค (Wellness and Medical Hub)

             อธิบดีกรมพิธีการทูตและคณะฯ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม อาทิ สำนักงานพัฒนาชุมชน และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เพื่อนำคณะทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรสทัศนศึกษาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพของประเทศไทยและอัตลักษณ์ไทยที่จังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม ในปีนี้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากต่างประเทศ เห็นโอกาสทางธุรกิจเพื่อขยายสินค้าไทยสู่ตลาดสากลด้วย

**************