เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 กรมพิธีการทูตจัดงานสัมมนากรมฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ โรงแรม พินนาเคิล แกรนด์ จอมเทียน รีสอร์ท เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายจักรกฤดิ กระจายวงศ์ อธิบดีกรมพิธีการทูต กล่าวเปิดการสัมมนาโดยกล่าวว่าความเป็นมืออาชีพในการทำงานพิธีการทูตเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ดี การมีคุณธรรมและจริยธรรมในการปฏิบัติงานก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน จึงขอให้ข้าราชการและบุคลากรกรมพิธีการทูตทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ ได้แก่สรุปได้ ดังนี้  

          1. การรักษาระเบียบวินัยในการปฏิบัติงาน โดยการบริหารจัดการทรัพยากรด้านงบประมาณ กำลังคน และวัสดุครุภัณฑ์ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงาน/กิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยการ

              1.1 ควบคุมการบริหารจัดการงบประมาณที่เกี่ยวกับงบลงทุน งบดำเนินงานและงบรายจ่ายอื่น โดยให้การจัดทำสถานการณ์ใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบัน 

              1.2 ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอย่างถูกต้องตามระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างประหยัดและเหมาะสมกับการปฏิบัติราชการเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดของทางราชการ

              1.3 ควบคุมการเบิกจ่ายวัสดุครุภัณฑ์ รวมทั้งดูแลรักษาการใช้วัสดุครุภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเอกสารกำกับการเบิกจ่ายวัสดุ และมีเอกสารกำกับทะเบียนครุภัณฑ์เพื่อแสดงถึงการมีอยู่/สถานที่ตั้งของครุภัณฑ์ทุกชิ้น ซึ่งจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และมีเอกสารกำกับการขอยืมใช้ครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์อย่างเคร่งครัด

              1.4 ควบคุมความประพฤติและระเบียบวินัยของข้าราชการและบุคลากรกรมพิธีการทูตทุกคนให้เป็นไปตามกฎระเบียบ เช่น การลงเวลามาปฏิบัติราชการ การขออนุญาตลากิจ ลาป่วยและลาพักผ่อน โดยมีเอกสารประกอบการลาทุกครั้ง เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการควบคุม กำกับดูแลและดำเนินการอย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

              1.5 ประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการและบุคลากร ปีละ 2 ครั้ง เพื่อประเมินว่ามีการปฏิบัติงานเป็นไปตามข้อตกลงที่กำหนด

              1.6 ควบคุมดูแลการดำเนินแผนงาน/ กิจกรรม/ โครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในระดับต่าง ๆ ทั้งระดับชาติ ระดับกระทรวงฯ และระดับกรมฯ และสำเร็จตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนด รวมถึงให้มีการรายงานผลการดำเนินการผ่านระบบ eMENSCR การรายงานตัวชี้วัดของ ก.พ.ร. และการรายงานตัวชี้วัดของสำนักงบประมาณ

              1.7 ประชุมภายในระดับกองและระดับกรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานที่ได้รับมอบหมาย รับทราบปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อร่วมกันแก้ไขและปรับปรุงการปฏิบัติงานให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

          2. ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นในนโยบาย“No Gift Policy” คือ การไม่รับสินบนหรือของขวัญ/ของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ประโยชน์จากหน้าที่ราชการ หรือรับประโยชน์จากหน่วยงานเอกชน การได้รับประโยชน์จากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จะทำให้งานราชการเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่ควรเป็นและสิ่งที่ถูกต้อง

          3. ให้ความสำคัญเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม ผ่านการดำเนินกิจกรรมและงานสำคัญที่กรมพิธีการทูตได้ดำเนินการ ดังนี้

              3.1 การจัดทำและปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

              3.2 การยึดมั่นและปฏิบัติตาม “ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนกระทรวงการต่างประเทศให้เป็นองค์กรคุณธรรมและกำหนดคุณธรรมเป้าหมายประจำปี” “แนวทางการปฏิบัติตนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมพิธีการทูต (Dos and Don’ts)” “ข้อกำหนดจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ปฏิบัติงานการทูต การกงสุล และการต่างประเทศ พ.ศ. 2566” และ “ประกาศกรมพิธีการทูต เรื่อง การส่งเสริมรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก พ.ศ. 2566” เป็นต้น ทั้งนี้ กรมพิธีการทูตแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนงานจริยธรรมฯ เพื่อกำกับดูแลด้วยแล้ว

          นอกจากนี้ กรมพิธีการทูตได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้หัวข้อ “It’s Okay to Not Be Okay” โดยนายพงศธร จุฑาสมิต รองอธิบดีกรมพิธีการทูต กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการทำกิจกรรมภายใต้หัวข้อ “It’s Okay to Not Be Okay” ว่า จุดแข็งของความสำเร็จในการทำงานของกรมพิธีการทูตคือการมี team work ที่แข็งแกร่ง และการจะมี team work ที่แข็งแกร่งต้องมี team spirit ที่แข็งแกร่งด้วย การสร้าง team spirit เกิดจากการสร้างพลังบวกให้แก่กัน สิ่งที่ดีควรชื่นชม และสิ่งไม่ดีควรแก้ไข ซึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้ทำกิจกรรม 2 กิจกรรมร่วมกัน ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 Circle of Appreciation: วงล้อแห่งการชื่นชม มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้กำลังใจกัน เพื่อให้ทีมรู้สึกถึงคุณค่าและการยอมรับ ซึ่งสามารถสร้างพลังบวกให้แก่กัน และกิจกรรมที่ 2 The Three Things Miracle: 3 สิ่งมหัศจรรย์ คือ 1) Stop: สิ่งใดในทีมที่ควรหยุดทำ 2) Start: สิ่งใหม่ที่ทีมควรเริ่มทำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ 3) Continue: สิ่งที่ทีมทำได้ดีและควรทำต่อไป มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้วิเคราะห์ว่าพฤติกรรมใดที่เห็นว่าดีหรือไม่ดีที่จะมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้งสองกิจกรรมสามารถสร้าง team spirit และ team work ที่แข็งแกร่งให้กับกรมพิธีการทูตได้